วันจันทร์ที่ 21 มกราคม พ.ศ. 2556

พระราชวังแวร์ซายส์

มรดกโลก

พระราชวังแวร์ซายส์

พระราชวังแวร์ซายส์พระราชวังแวร์ซายส์
พระราชวังแวร์ซายส์พระราชวังแวร์ซายส์พระราชวังแวร์ซายส์ กรุงปารีส ประเทศฝรั่งเศส
 

พระราชวังแวร์ซายส์ (ภาษาฝรั่งเศส: Château de Versailles) เป็นพระราชวังหลวงแห่งหนึ่งของประเทศฝรั่งเศส ตั้งอยู่ที่เมืองแวร์ซายส์ อยู่ทางทิศตะวันตกเฉียงใต้ของกรุงปารีส ซึ่งปัจจุบันเป็นส่วนหนึ่งของมหานครปารีส พระราชวังแวร์ซายส์เป็นพระราชวังที่ยิ่งใหญ่และสวยงามแห่งหนึ่งของโลก และนับเป็นหนึ่งในเจ็ดสิ่งมหัศจรรย์ของโลกยุคปัจจุบันด้วย

ประวัติ
เดิมนั้น เมืองแวร์ซายส์เป็นเพียงเมืองเล็ก ๆ แห่งหนึ่งเท่านั้น มีผู้คนอาศัยอยู่เบาบาง บริเวณส่วนใหญ่เป็นป่าเขา เยี่ยงชนบทอื่น ๆ ของฝรั่งเศส เมื่อพระเจ้าหลุยส์ที่ 13 ยังทรงพระเยาว์ ขณะพระชนมายุได้ 23 พระชันษา ทรงนิยมล่าสัตว์ในป่า และทรงเห็นว่าตำบลแวร์ซายส์น่าจะเหมาะแก่การประทับเพื่อล่าสัตว์ จึงโปรดเกล้าฯ ให้สร้างพระตำหนักขึ้นมาใน พ.ศ. 2167 โดยในช่วงแรกเป็นเพียงกระท่อมเล็กๆ สำหรับพักชั่วคราวเท่านั้น

เมื่อ พระเจ้าหลุยส์ที่ 14 แห่งฝรั่งเศส ขึ้นครองบัลลังก์ มีประสงค์ที่จะสร้างพระราชวังแห่งใหม่ เพื่อเป็นศูนย์กลางในการปกครองของพระองค์ จึงเริ่มปรับปรุงพระตำหนักเดิมในปี พ.ศ. 2204 ใช้เงินทั้งหมด 500,000,000 ฟรังก์ คนงาน 30,000 คน และใช้เวลาอยู่ถึง 30 ปีจึงแล้วเสร็จในพ.ศ. 2231 ทุกส่วนทำด้วยหินอ่อนสีขาว เป็นแบบอย่างศิลปกรรมที่งดงามมาก ภาย ในแบ่งออกเป็นห้องๆ เช่น ห้องบรรทม ห้องเสวย ห้องสำราญ ฯลฯ ทุกห้องล้วนมีเครื่องประดับงดงามตระการตาและภาพเขียนที่มีชื่อเสียง ภายในพระราชวังมีภาพวาด ภาพแกะสลักซึ่งแสดงให้เห็นเรื่องราวทางประวัติศาสตร์ของฝรั่งเศสหลายสมัยสถานที่แห่งนี้เคยใช้เป็นที่เซ็นสัญญาสงบศึกกับอเมริกาในปี ค.ศ 1783 แวร์ซายส์ นับเป็นส่วนหนึ่งของแรงผลักดันที่ก่อให้เกิด
การปฏิวัติครั้งใหญ่ในฝรั่งเศส เมื่อปี ค.ศ. 1789 ต่อมาในปี ค.ศ. 1815 พระเจ้าหลุยส์-ฟิลิปป์ได้เปลี่ยนสภาพพระราชวังแห่งนี้ให้เป็นพิพิธภัณฑ์ และใช้เป็นสถานที่ลงนามในสัญญาสงบศึกสงครามโลกครั้งที่ 1 ระหว่างฝ่ายสัมพันธมิตรกับเยอรมัน เมื่อวันที่ 28 มิถุนายน 1919

นอกจากเครื่องประดับที่เก่าแก่ และสูงค่าแล้ว การจัดสวนก็เป็นที่ยอมรับกันทั่วไปว่างดงามยิ่งนัก เพราะมีการตกแต่งประดับประดาด้วยดอกไม้หลากสีสวยงามมาก โดยเฉพาะตอนฤดูใบไม้ผลิและฤดูร้อน ส่วนที่เป็นป่าสำหรับล่าสัตว์ปัจจุบันใช้เป็นที่ๆให้ผู้เข้าชมไปเดินเล่น พักผ่อน และมีม้าหินให้นั่งเล่นเป็นระยะๆ

การก่อสร้างพระราชวังแวร์ซายส์แห่งนี้ได้นำเงินมาจากค่าภาษีอากรของราษฎร ชาวฝรั่งเศส ต่อมาจึงได้มีกองทัพประชาชนบุกเข้ายึดพระราชวังและจับพระเจ้าหลุยส์ที่ 16 กับพระนางมารี อองตัวเนต ประหารด้วย "กิโยติน" ในวันที่ 6 ตุลาคม พ.ศ. 2332 ปัจจุบันพระราชวังแวร์ซายส์ ได้กลายมาเป็นพิพิธภัณฑ์และเปิดเป็นสถานที่ท่องเที่ยวแก่ผู้สนใจเข้าเยี่ยมชมความสวยงาม หากนับเวลาตั้งแต่ก่อสร้างเสร็จ พระราชวังแห่งนี้ก็มีอายุยืนนานถึง 300 ปีเศษ ที่ยังคงความงามอยู่ได้โดยไม่เสื่อมคลาย

พระราชวังแวร์ซายส์ได้รับจดทะเบียนให้เป็นมรดกโลกในการประชุมคณะกรรมการมรดกโลกสมัยสามัญครั้งที่ 3 เมื่อปี พ.ศ. 2522 ที่ประเทศอียิปต์

ข้อมูล ท่องเที่ยว สวิตเซอร์แลนด์

ธงชาติสวิตเซอร์แลนด์
ตราประเทศสวิตเซอร์แลนด์
ข้อมูลทั่วไปประเทศสวิตเซอร์แลนด
สวิตเซอร์แลนด์ (อังกฤษ: Switzerland, เยอรมัน: die Schweiz, ฝรั่งเศส: la Suisse, อิตาลี: Svizzera, โรมานช์: Svizra) หรือชื่อทางการคือ สมาพันธรัฐสวิส (Swiss Confederation) เป็นประเทศเล็ก ๆ ที่ที่ไม่มีทางออกสู่ทะเล ปกครองแบบสหพันธ์ และตั้งอยู่ทวีปยุโรปกลาง โดยมีพรมแดนติดกับประเทศ เยอรมนี ประเทศฝรั่งเศส ประเทศอิตาลี ประเทศออสเตรีย และประเทศลิกเตนสไตน์ นอกจากจะมีความเป็นกลางทางการเมืองแล้ว สวิตเซอร์แลนด์ นับว่ามีการร่วมมือกันระหว่างประเทศเป็นอย่างมาก เนื่องจากเป็นที่ตั้งขององค์กรนานาชาติหลายแห่ง
ประวัติศาสตร์ประเทศสวิตเซอร์แลนด์
Julius Caesar
ยุคก่อนประวัติศาสตร์
เมื่อ 10,000ปีก่อนคริตสกาล พวกกลุ่มนักล่าสัตว์และกลุ่มคนเร่ร่อน ได้ย้ายถิ่น ฐานเข้ามาอยู่อาศัย ในเขตทาง ตอนเหนือของเทือกเขา แอลป์ (Alp)ซึ่งในปัจจุบัน ก็คือพื้นที่บริเวณ Graubündenใจกลาง ประเทศสวิสเซอร์แลนด ์เป็นครั้งแรกต่อมาก็ได้มีการขยาย อาณาเขตออกไปเรื่อยๆตามพื้นที่บริเวณลุ่มทะเลสาบต่างๆ จนกระทั่งเมื่อประมาณ 400 ปีก่อนคริสตกาลชนเผ่าเซลท์ (Celt คือกลุ่มชนชาติที่พูดภาษาเซลติก) ได้เริ่มย้ายถิ่นฐานจากทางเยอรมัน ตอนใต้ เข้าไปสู่พื้นที่ลุ่ม ทะเลสาบในตอนกลาง ของประเทศสวิตเซอร์แลนด์เพิ่ม มากขึ้น โดยทางด้านตะวันออกของ สวิตเซอร์แลนด์เป็น ที่อยู่อาศัยของพวก Raetia ส่วนทางด้าน ตะวันตก ถูกครอบครองโดยชาว Helvetii นอกจากนั้นก็ยังมีชนเผ่าอื่นๆ ที่กระจัดกระจายไปตามส่วนต่างๆ ของประเทศ สวิสเซอร์แลนด์ อีกเป็นจำนวนมาก คือ ชนเผ่า Lepontier ทางแคว้น Tessin ชนเผ่า Seduner ในเขต Wallisและทะเล สาบเจนีวาต่อมาเมื่อเข้าสู่ยุครุ่งเรืองของอาณาจักรโรมันในประมาณ 58 ปีก่อนคริสตกาล
ชนเผ่า โรมัน ภายใต้การนำของจูเลียส ซีซาร์  (Julius Caesar) ได้เข้าโจมตี และยึดดินแดนของชนเผ่า Helvetii และดินแดนส่วนอื่นๆ เข้าเป็นส่วนหนึ่งของอาณาจักรโรมัน ช่วงนี้เองที่ได้เริ่มที่การก่อสร้าง ถนน หนทางและระบบ ผังเมืองขึ้นในประเทศสวิตเซอร์แลนด์ขึ้นเป็นครั้งแรก เช่น ในบริเวณเมือง Basel,Chur, Geneve, Zurich ในปัจจุบันโดยมีศูนย์กลางอยู่ที่เมือง Avenches ในช่วงปลายของยุคสมัยโรมัน ประมาณปีคริตศตวรรษที่ 4 ถึง 6 ศาสนาคริสต์ได้เผยแผ่เข้ามาในเขตประเทศสวิตเซอร์แลนด์ ทำให้ได้มีการตั้งตำแหน่ง Bishop ขึ้นตามเมืองต่างๆ และเชื่อกันว่าอาณาจักรโรมันก็ล่มสลายลงในช่วงนี้เอง
ยุคของอดีตสมารัฐสวิส
ช่วงที่ถือได้ว่าเป็นช่วงของการก่อตั้งประเทศสวิตเซอร์แลด์หรือประเทศสมาพันธรัฐ สวิตเซอร์แลนด์ อย่างเป็นทางการเริ่มขึ้นเมื่อวันที่ 1 สิงหาคม ค.ศ. 1291 เมื่อมณฑล 3 มณฑลในเขตเทือกเขา แอลป์ คือ Uri, Schwyz และ Unterwalden ได้รวมตัวกันขึ้นเป็น อดีตสมาพันธรัฐสวิส(Old Swiss Conferderation หรือที่เรียกเป็นภาษาเยอรมันว่า Alte Eidgenossenschaft) ซึ่งการรวมกลุ่มนี้ไม่ได้เพื่อต้องการแยกออกเป็น ประเทศ แต่เพียงเพื่อต้องการจะต่อต้านอำนาจ ของราชวงศ์ฮับส์บวร์ก ซึ่งการรวมกลุ่มครั้ง ไม่ได้รับการ ยอมรับจาก้ราชวงศ์ฮับส์บวร์ก และมีการทำสงครามกันเรื่อยมาในปี1315กลุ่มของชาวบ้านที่เป็นทหารของสวิสในสมัยนั้นก็ทำสงครามชนะ ทหารของราชวงศ์ฮับส์บวร์กในสงคราม Morgatenหลังจากนั้นเมือง Zurich, Lucerne, Glarus, Zugและ Bernก็ได้เข้าร่วมเป็นอดีต สมาพันธรัฐสวิส และได้ การเรียกชื่อ  กลุ่มการรวมตัวของมณฑล8มณฑลนี้ว่า Schwyzภายหลังจาก การรวมตัวนี้แล้วก็ยังคงมีการรวมตัว ของมณฑลต่างๆ อยู่เรื่อยๆ จนเมื่อสิ้นสุด ปี ค.ศ. 1513 ก็มีมณฑลเข้าร่วมทั้งหมด
ช่วงสงครามโลกครั้งที่ 1และครั้ง2ในช่วงสงครามโลกครั้งที่ 1 และครั้งที่ 2 ประเทศสวิตเซอร์แลนด์ได้วางตัวเป็นกลางทางด้านการทหาร บทบาทสำคัญเพียงอย่างเดียวของประเทศสวิตเซอร์แลนด์ ในสงครามโลกครั้งที่ 1ก็คือการส่งสภากาชาดเข้ามาช่วยเหลือ เมื่อสงครามโลกผ่านพ้นไปกลิ่นอายแห่งสงครามกลับ ทำให้เศรษฐกิจของสวิตเซอร์แลนด์ตกต่ำลง และเริ่มฟื้นฟูขึ้นใหม่ในช่วงปพ.ศ. 2473 (ค.ศ. 1930) ยุคนี้ยังเป็นยุคแห่งการถือกำเนิด ของศิลปินชื่อดังอีกด้วยถึงแม้ว่าประเทศสวิตเซอร์แลนด์จะวางตัวเป็น กลางในช่วงสงครามโลกครั้งที่ 2แต่สวิตเซอร์แลนด์กลับมี บทบาทสำคัญในทางด้าน เศรษฐกิจคือธนาคารของประเทศสวิตเซอร์แลนด์ได้กลายเป็นสถานที่เพื่อใช้แลก เปลี่ยนเงินผิดกฎหมายของพวกนาซีเยอรมัน
ยุคหลังสงครามโลกครั้งที่ 2
ภายหลังจากสงครามโลกครั้งที่ 2สิ้นสุดลงในปี พ.ศ. 2488(ค.ศ. 1945)ได้มีการก่อตั้งองค์การสหประชาชาติที่กรุงเจนีวาประเทศสวิตเซอร์แลนด์ ประเทศหลายประเทศได้เข้าร่วมเป็นสมาชิกขององค์การสหประชาติแต่ประเทศสวิตเซอร์แลนด์ แต่ประเทศเจ้าบ้านกลับไม่ได้เข้าร่วมเป็นสมาชิกในสมัยแรก โดยองค์การสากลแห่งแรกที่สวิส เข้าร่วมเป็นสมาชิกภายหลัง สงครามโลกครั้งที่ 2 คือองค์การ UNESCO ซึ่งเข้าร่วมในปี พ.ศ. 2491(ค.ศ. 1948)ประเทศสวิตเซอร์แลนด์ตัดสินใจเข้าร่วม เป็นสมาชิกขององค์การสหประชาชาติเมื่อปี พ.ศ. 2545 (ค.ศ. 2002) ต่อมาในปี 2548 ประชาชนชาวสวิตเซอร์แลนด์ได้ทำการ ลงประชามติเพื่อให้ประเทศสวิตเซอร์แลนด์เข้าร่วมเป็นประเทศในสนธิสัญญาเช็งเก็น (Schengen Agreement)
วัฒนธรรมและประชากรประเทศสวิตเซอร์แลนด์
ประชาชนร้อยละ 48 นับถือนิกายโรมันคาทอลิก ร้อยละ 44 นับถือนิกายโปรเตสแตนท์ ร้อยละ 8 นับถือศาสนาอื่นๆหรือมิได้นับถือศาสนา จำนวนประชากร 6.9 ล้านคน เมืองหลวง กรุงเบิร์น (Bern) เมืองมรดกโลก เนื้อที่ทั้งประเทศ 41,293 ตารางกิโลเมตร
สภาพภูิมิอากาศประเทศสวิตเซอร์แลนด์
ในสวิตเซอร์แลนด์มีอากาศแตกต่างกว่ากันมากไม่เหมือนกันทั่วทั้งประเทศ เนื่องจากมีภูมิประเทศที่แตกต่างกว่ากันหลายๆแห่ง จากเทือกเขาที่ล้อมรอบ จากทะเลสาบ ได้รับ อิทธิพลจากความชื้น จะมีลมหนาวเย็นจากขั้วโลกเหนือพัดผ่านมาทางทิศเหนือผ่านจากเทือกเขาAlp และลมอุ่นมาจากทางทิศใต้เพราะอยู่ใกล้ทะเลเมดิเตอร์เรเนียน ภาคใต้จะมีอากาศอบอุ่นมาก บางแห่งในสวิตเซอร์แลนด์อุณหภูมิระหว่างฤดูร้อนกับฤดูหนาวจะแตกต่างกันมากฤดู ของสวิตเซอร์แลนด์มี 4 ฤดูเหมือนๆกับประเทศยุโรปทั่วๆไป
Fruehling ฤดูใบไม้ผลิต
จะเริ่มวันที่ 21 เดือนมีนาคม อากาศช่วงนี้ยังหนาวอยู่ ฤดูนี้เป็นฤดูที่สวยที่สุดในฤดูทั้งหมด ดอกไม้ต่างๆจะเริ่มผลิบานเต็มไปหมด พวกต้นไม้ไม่ว่าจะเป็นต้นแอปเปิล ต้นพีชและอีกมากมายจะออกดอกบานสะพรั่งสวยงามมาก ยิ่งขึ้นไปบนภูเขาจะเห็นดอกไม้ภูเขานาๆชนิดที่หาดูไม่ได้จากข้างล่างออกดอกแข่งกันสวยมาก เหมือนเดินอยู่บนวิมานที่ปูพรมดอกไม้ส่งกลิ่นหอมกรุ่นไปทั่ว
Sommer ฤดูร้อน 
จะเริ่มวันที่ 21 เดือน มิถุนายน อากาศช่วงนี้จะเปลี่ยนแปลงตลอดเวลา บางครั้งฝนตกปรอยๆไปถึงตกหนักอากาศช่วงนี้จะร้อนบางครั้งร้อนมากคนที่นี่จะออกเที่ยวกันมากจะพากันแบกเป้เร่ร่อนไปตามสถานที่ต่างๆ ส่วนมากจะพากันขึ้นเขาไปชมธรรมชาติ และคนจะเริ่มออกป่าล่าเห็ดกันถ้าเข้าไปเดินในป่าจะเห็นคนเดินถือตะกร้ากัน 
Herbst ฤดูใบไม้ร่วง
จะเริ่มเดือนวันที่ 23 กันยายน ช่วงนี้อากาศจะเปลี่ยนแปลงอย่างเห็นได้ชัด ตอนกลางวันยังอุ่นอยู่แต่ตกตอนเย็นจะเริ่มหนาวเย็นต้องระวังให้มากนะจะเจ็บป่วยได้ง่ายๆควรจะแต่งกายให้รัดกุมมาก ช่วงนี้บรรยากาศสวยมาก ใบไม้เริ่มเปลี่ยนสีเป็นสีเหลืองทอง สีส้มอมแดง 
Winter ฤดูหนาว
จะเริ่มวันที่ 22 เดือนธันวาคม ฤดูนี้พวกนักสกีและพวกเด็กๆรอคอยที่จะไปเล่นสกี และล้อเลื่อน เอาหิมะมาปั้นเป็นรูปต่างๆหิมะตกสวยงามมาก สังเกตได้เลยก่อนหิมะจะตกจะรู้สึกหนาวจัดเย็นมากและหิมะจะเริ่มตกตอนหิมะตกอากาศจะเริ่มอุ่น การเดินช่วงหิมะตกเป็นช่วงที่รู้สึกดีมากรู้สึกสดชื่นและทำให้นอนหลับได้ดี แต่ถ้าหิมะตกหลายๆวันและหิมะเริ่มละลายนี่ต้องระวังมาก ถนนจะลื่นจับตัวเป็นน้ำแข็งถ้าเริ่มมาหนาวจัดลบต่ำกว่าศูนย์อีก
ภาษา
เยอรมัน - ภาคกลาง, ภาคตะวันออกเฉียงเหนือ
ฝรั่งเศส - ภาคตะวันตก
อิตาเลียน - ภาคใต้
โรมันช์ (Rhaeto-Romanic - ภาษาละตินโบราณ) ใช้พูดกันในชนกลุ่มน้อยของมณฑล กริซองส์ (Grisons)
อังกฤษ – พูดกันได้ทั่วไปโดยเฉพาะในเมืองและแหล่งท่องเที่ยวต่างๆ
สกุลเงิน
ใช้สกุลเงินฟรังก์สวิส (CHF) เทียบเป็นเงินไทยได้ประมาณ 33 บาท ซึ่งขึ้นอยู่กับอัตราค่าเงินขณะที่ท่านแลก ธนบัตรสวิสมีมูลค่า 10, 20, 50, 100, 500, 1,000 ฟรังก์ เงินเหรียญมีมูลค่าตั้งแต่ 5, 10, 20, 50 เซนต์ (Centimes) และ 1, 2, 5 ฟรังก์ ณ วันที่ 20 ธันวาคม
ศุลกากร
เมื่อเดินทางออกนอกประเทศจะต้องนำสินค้าที่ซื้อกับฟอร์มคืนเงินภาษีไปให้ ศุลกากรตรวจเอกสารและสินค้า และประทับตราในแบบขอคืนภาษีด้วย
เมืองน่าเที่ยวประเทศสวิตเซอร์แลนด์
ลักษณะภูมิประเทศที่มีความหลากหลายและมีระดับความสู้ที่แตกต่างกันอย่างมากช่วยทำให้การเดินทางมาเยือนสวิตเซอร์แลนด์เป็นประสบการณ์ที่สุดแสนคุ้มค่าโดยไม่จำกัดว่าเป็นช่วงเวลาใดหรือที่ไหน เพราะว่าในฤดูใบไม้ผลิตที่สวิตเซอร์แลนด์ตะวันออกและบริเวณที่ราบลุ่มนั้นนักท่องเที่ยวจะได้พบกับความเขียวชอุ่มของทุ่งหญ้าและสวนดอกไม้ ที่พากันออกดอกบานสะพรั่งครั้นถึงฤดูร้อน นักท่องเที่ยวก็จะได้สัมผัสความงดงามของธรรมชาติที่แตกต่าง ออกไปจากบริเวณชายฝั่งทะเลสาบที่มีอยู่มากมายทั่วประเทศ
เบิร์น
เบิร์น Bern 
เมืองหลวงของสวิตเซอร์แลนด์เป็นเมืองโบราณเก่าแก่และโรแมนติก การเดินเที่ยวชม ความงดงามของ สถาปัตยกรรมในเขตเมืองเก่า เป็นสิ่งที่นักท่องเที่ยวไม่ควรพลาด เมื่อมีโอกาสได้มาเยือนนครแห่งนี้ Bern สร้างขึ้นเมื่อ 800 ปีที่แล้วโดยมีแม่น้ำ Aare ล้อมรอบตัวเมือง แม่น้ำแห่งนี้เปรียบเหมือนปราการธรรมชาติซึ่ง ป้องกันเมืองไว้ทั้ง สามด้านสำหรับด้านที่สี่ชาว เมืองได้สร้างกำแพงและสะพานข้ามที่สามารถชักขึ้นลงได้ และโดยการรักษาผังเมืองให้มีสภาพดังเดิมตลอดหลายร้อยปีที่ผ่านมา Bernจึงได้รับการ ประกาศ ให้เป็นมรดก โลกของ UNESCO ซึ่งเป็นเมืองเดียวในประเทศ สวิตเซอร์แลนด์ การเดินชมเมือง ควรเริ่มจาก Rose Garden เพียง 5 นาทีก็จะพบกับบ่อเลี้ยง หมีของเมือง ( หมี เป็น สัญลักษณ์ของ Bern )
หอนาฬิกา Zytgloggeturm
สถานที่ท่องเที่ยวแนะนำหอนาฬิกา Zytgloggeturm หรือ Zeitglockenturm หอนาฬิกานี้ใข้เป็นประตูเมืองแห่งแรก ของกรุงเบิร์น ในช่วงปี ค.ศ. 1191 ถึง 1256และเมื่อม ีการสร้าง Prison Tower ขึ้น จึงได้เปลี่ยน ไปใข้ Prison Tower เป็นประตูเมืองแทน ในสมัยก่อนนั้นตึกนี้ไม่ได้เป็นนาฬิกาอย่างทุกวันนี้ จนกระทั่งในปี ค.ศ. 1530 จึงได้มีการติดตั้งนาฬิกาดาราศาสตร์
Munster St. Vinzenz
Munster St. Vinzenz 
โบสถ์นี้ตั้งอยู่ระหว่างถนน Munstergasse และถนน Herrengasse ซึ่งจากถนน
Krammgasse ก็ให้เดินเลี้ยวขวาไปก็จะเจอโบสถ์นี้ตั้งเด่นเป็นสง่าอยู่ใจกลางเขตเมืองเก่า โบสถ์นี้เป็นโบสถ์ประจำเมืองของกรุงเบิร์น ซึ่งถือว่าเป็นโบสถ ์ ที่สำคัญและใหญ่ที่สุดของ สวิสเซอร์แลนด ์ด้วย โบสถ์มีลักษณะเป็นศิลปะ แบบโกธิคยุคกลาง ได้เริ่มมีการก่อสร้างขึ้นในปี ค.ศ. 1421 ซึ่งการดำเนินการสร้าง โบสถ์แห่งนี้กินเวลายามนามไปจนถึงปี ค.ศ. 1573 เวลาประมาณ 150 ปีที่ใช้ไปนั้น สร้างได้เพียงแค่ตัวโบสถ์ ซึ่งมีความสูงประมาณ 64 เมตรเท่านั้น ต่อมาใน ปี 1889-1893 ก็ได้มีการต่อเติมสร้างส่วนที่เป็นหอ คอยขึ้นจามีความสูงทั้งสิ้น 100 เมตร ถ้าใครมีเวลาหรือมีแรงมากพอทีจะขึ้นบันไดวนเพียงแค่ 285 ขั้น ก็สามารถเดินขึ้นไปบนยอดหอคอยเพื่อชม ทัศนีภาพของกรุงเบิร์นได้ ซึ่งเค้าว่ากันว่าสำหรับวัน ที่ฟ้าใส มากๆ จะสามารถ มองเห็นบอดเขา Eiger, Mönch และ Jungfrau จากหอคอยของโบสถ์นี้เลยทีเดียว
อินเตอร์ลาเก้น

อินเตอร์ลาเก้น Interlaken "สวยเหมือนเมืองในฝัน" คือคำจำกัดความของ Interlaken ตั้งอยู่ระหว่างทะเลสาบ Thun และ Brienz สถานที่ตากอากาศชั้นนำส่วนใหญ่ในถิ่นที่เรียกกันว่า Bernese Oberland ตั้งอยู่ตามเชิงเขา Eiger, Monch และ Jungfrau ทิวทัศน์แถบนี้บริสุทธิ์และสวยงามเกินคำบรรยาย จึงเป็นสถานตากอากาศที่นักท่องเที่ยวจากทุกมุมโลกชื่นชอบมากที่สุด 
Jungfraujoch
สถานที่ท่องเที่ยวแนะนำ
Jungfraujoch หลังคาแห่งยุโรป

หลังคาแห่งยุโรป ล่าสุดได้รับการประกาศให้เป็นมรดกโลกของUnescoเมื่อเดือนธันวาคม 2544 สถานีรถไฟสูงที่สุดในยุโรป ที่ไม่สามารถลืมไปได้ ในการทัศนาจรภูเขา ซึ่งมีความ สูงถึง 3454เมตร พบกับสิ่งสวยงามที่นี่คือ วังน้ำแข็ง และทัศนียภาพ ที่งดงามประกอบ ไปด้วย Sphinxหอคอยชมทัศนียภาพ ที่อยู่เหนือ ธารน้ำแข็ง Aletsch ( ยาวที่สุดในเทือกเขา Alps ) และยอดเขาที่ปกคลุมไปด้วยหิมะ ของประเทศเพื่อนบ้าน พร้อมกันนี้ยังจะเดินเล่นบนหิมะ นั่งกระดานเลื่อนโดยมีสุนัข Huskyลากสนามเล่นสกี สโนว์บอร์ท สำหรับฤดูร้อนหรือ ท่านที่ชอบการท้าทาย ก็มีการผจญภัยอีกหลายอย่าง รับรอง 100% ท่านจะพบกับ หิมะ และน้ำแข็งที่นี่
ทะเลสาบ Thun
ล่องเรือในทะเลสาบและชมปราสาทโบราณล่องเรือในทะเลสาบ Thun และ Brienz ในวงล้อมของภูเขาสูง แวะชมปราสาท Thun ที่สร้างขึ้นใน ศตวรรษที่ 12 และพิพิธภัณฑ์ประวัติศาสตร์ที่จัดแสดงในห้องโถงใหญ่ของปราสาท เปิดให้ชมระหว่างเดือนมีนาคม ถึง เดือนตุลาคม Spiezชมปราสาท โบราณที่เปิดรับนักท่องเที่ยวตั้งแต่กลางเดือนพฤษภาคม ถึงกลางเดือนตุลาคม ค่าโดยสารเรือฟรีโดยใช้สวิสพาสส์
Lausanne

Lausanne 
เมืองโลซานน์เป็นเมืองที่สงบ และงดงามมากอยู่ติดกับทะเลสาบ เจนีวามีท่าเรือข้ามไปสู่ ประเทศฝรั่ง เศสได้ เป็นที่ตั้งของพิพิธภัณฑ์โอลิมปิค ซึ่งท่านจะพบกับการแสดงอันยิ่งใหญ่ ของวินาทีแห่ง ประวัติศาสตร์ โอลิมปิคกับสุดยอด Special Effect ที่จะทำให้คุณย้อนกลับไปอยู่ ใน เหตุการณ์จริง ชมหลักฐานที่ สำคัญต่างๆ ในซุ้มนิทรรศการ ห้องจัดแสดงงาน ศูนย์ข้อมูลพร้อมศูนย์อำนวย ความสะดวกต่างๆ อย่างครบครัน รับฟรีบัตรเข้าชม Olympic Museum สำหรับท่านที่จอง สวิตเซอร์แลนด ์แพคเกจ 
พิพิธภัณฑ์โอลิมปิค
สถานที่ท่องเที่ยวแนะนำ
พิพิธภัณฑ์โอลิมปิค (Olympic Museum) ซึ่งเป็นพิพิธภัณฑ์ที่เก็บเรื่องราวความเป็นมาเกี่ยวกับกีฬา โอลิมปิค ตั้งแต่สมัยโบราณ จนถึงปัจจุบัน และเป็นสำนักงานกรรมการโอลิมปิคสากล
Luzern
Luzernลูเซิร์นเป็นเมืองหนึ่งในประเทศสวิสเซอร์แลนด์ มีประชากร 57,890 คน ตั้งอยู่แนวชายฝั่งทะเลสาบ ลูเซิร์น นเทือกเขาปิลาตุสและริจของเทือกเขาแอลป์ฝั่งสวิส สิ่งที่เป็นแลนด์มาร์คของเมืองและ มีชื่อเสียงมากคือชาปเพลบริดจ์(Chapel Bridge) เป็นสะพานไม้ที่สร้างสมัยศตวรรษที่14 ราวปี1290 ลูเซิร์นมีขนาดประชากรที่สมส่วนราว 3000 คน ทีปกครองโดยกษัตริย์รูดอล์ฟที่1 ลูเซิร์นเป็น เมืองที่นาฬิกาโรเล็กซ์ขายดีที่สุด รองลงมาคือมีดพก (Swiss Army Knives) Water Tower และ Chapel Bridge เป็นสัญลักษณ์ของเมือง Lucerne ที่นักท่องเที่ยวจำได้ทันทีที่เห็น สร้างมานานกว่า 650 ปีแล้ว ตัวเมืองเก่าเริ่มจากฝั่งแม่น้ำ Reussมีสถาปัตยกรรมสิ่งปลูกสร้างที่น่าสนใจ หลายแห่ง เมือง Luzern จะเต็มไปด้วยนักท่องเที่ยวเกือบตลอดปี
ภูเขา Titlis
สถานที่ท่องเที่ยวแนะนำภูเขา Titlis และ Pilatu
ภูเขา Titlis และ Pilatu และ ภูเขา Stanserhorn ภูเขา ภูเขา Titlis และ Pilatusเป็นภูเขาที่มีความชันที่ สุดในโลก มีภัตตาคารอยู่บนยอดเขาที่สามารถ ชมทิวทัศน์โดยรอบได้ ใช้สวิสพาสส์ล่องเรือชมทิวทัศน์ไปในทะเลสาบ Luzern จนถึงเมือง Vitznau สามารถต่อรถไฟขึ้น ไปเที่ยวภูเขา Rigi(ความสูง 1798เมตรเหนือระดับน้ำทะเล)ภูเขา Stanserhornเดินทางโดยรถรอกกว้านสมัยเก่าและรถกระเช้ารุ่นใหม่ล่าสุด (Aerial Cable Car) เพื่อชมทิวทัศน์และรับประทานอาหาร
หอคอยแปดเหลี่ยม
หอคอยแปดเหลี่ยม เมืองลูเซิร์น
หอคอยแปดเหลี่ยม เป็นหอคอยรูปทรงแปดเหลี่ยม ลักษณะสถาปัตยกรรมแบบเก่าแก่ของเมืองลูเซิร์น ด้านบนสามารถมองเห็น วิวเมือง ลูเซิร์นได้อย่าง สวยงาม ด้านล่างมีทะเลสาบขนาดเล็กบริเวณรอบๆเป็นวิวที่สวยงาม แห่งหนึ่งของเมืองลูเซิร์น
อนุสาวรีย์สิงโตร้องไห
อนุสาวรีย์สิงโตร้องไห้ที่เมืองลูเซิร์น
อนุสาวรีย์ ภูเขาสิงโต(Mountain Lion) เป็นอนุสาวรีย์ หินสลักรูปสิงโตแสนเศร้า สร้างไว้เพื่อร่วมรำลึกถึง และร่วมไว้อาลัยให้กับทหารชาวสวิต ที่เสียชีวิตระหว่างการร่วมรบในสงครามปฏิวัติที่ประเทศฝรั่งเศสเมื่อปี 1792
พิพิธภัณฑ์การขนส่งและคมนาคม
พิพิธภัณฑ์การขนส่งและคมนาคม 
พิพิธภัณฑ์การขนส่งและคมนาคม เป็นพิพิธภัณฑ์ที่ใหญ่ที่สุดในยุโรป มีห้องจัดแสดงถึง 12 ห้องเป็นที่น่าสนใจและน่าชมมาก เป็นพิพิธภัณฑ์ขนส่งที่ดีที่สุดในยุโรปที่มีผู้คนเข้าเยี่ยมมากที่สุด ตั้งอยู่ที่สถานีรถเคเบิ้ลคาร์ฮัลเดนสเทรส รูปแบบการขนส่งทั้งแบบเก่าและใหม่จัดแสดงให้ชม ทั้งรถราง เครื่องบิน รถยนต์ เรือ และเรือดำน้ำ รวมทั้งเป็นที่แสดงเกี่ยวเรือที่เก่าแก่ที่สุดในเมือง
บัวร์บาคิ พาโนรามาี
บัวร์บาคิ พาโนรามา
ประวัติศาสตร์ เป็นการจำลองแบบของศตวรรษที่19ที่ดีที่สุดของโลก ที่ถือว่าเป็นอนุสรณ์ที่เก่าแก่เกี่ยวสงครามฟรานโก้-ปรูสเชี่ยน(ปี 1870-1871)รวมทั้งประวัติของ สวิสเซอร์แลนด์ กองกำลังทหารของสวิสเซอร์แลนด์
สะพานไม้เมืองลูเซิร์น
สะพานไม้เมืองลูเซิร์น
สะพานโบราณ สะพานแห่งนี้ถือได้ว่าเป็นสัญลักษณ์ของเมือง Luzern สร้างมานานกว่า 650 ปี เป็นสะพานไม้แบบที่มีหลังคาหน้าจั่ว ด้านในสะพานมีรูปภาพ เรื่องราวของ ประเทศสวิตเซอร์แลนด์ไว้ให้ดู มากมาย ในช่วงปี 1993สะพานไม้แห่งนี้ได้ถูกไฟไหม้ไป และปัจจุบันได้มีการซ่อมแซมเรียบร้อยแล้ว
เมืองบาเซิล
บาเซิลบาเซิล เป็นเมืองที่มีประชากรหนาแน่นเป็นอันดับที่ 3 ของประเทศสวิสเซอร์แลนด์ โดยมีประชากร ในเขตเมือง 731,000คน เมืองบาเซิลตั้งอยู่ทางด้านตะวันตกเฉียงเหนือของประเทศริมฝั่งแม่น้ำไรน์ บาเซิลเป็นเมืองที่เป็นศูนย์กลางด้านอุตสาหกรรม เคมีและเภสัชกรรม มีเขตแดนติดต่อกับประเทศเยอรมันและฝรั่งเศส ดังนั้นจึงทำให้บาเซิลมีวัฒนธรรม ที่คล้ายกับของฝั่งเศสและเยอรมัน ทั้งด้านภาษาที่เมืองบาเซิลพูดภาษาเยอรมันเป็นภาษาท้องถิ่นจึงเรียกว่าภาษา บาเซิลเยอรมัน ประวัติเมืองบาเซิลเคย เป็นเมืองที่อยู่ในเขตการปกครองของอาณาจักรโรมัน และเคยถูกเรียกว่า "บาซิเลีย" ในละติน ในปี 1225-1226 มีการสร้างสะพานข้ามแม่น้ำไรน์โดยบิชอป เฮนริค วอน ทูน ซึ่งถือว่าเป็นโครงการขนาดใหญ่ในสมัยนั้น
พิพิธภัณฑ์ประวัติศาสตร์
สถานที่ท่องเที่ยวแนะนำพิพิธภัณฑ์ประวัติศาสตร์
โบสถ์ ที่นี่คือเคยเป็นโบสถ์ฟรานซิสแก้นเก่าแก่ศตวรรษที่14 ที่เป็นที่เก็บรวบรวมศิลปะบาเซิลยุคกลาง รวมทั้งผลงานศิลปะสมัยศตวรรษที่ 15ระติมากรรมรูปปั้นแกะสลักที่มีชื่อเสียงที่สุดอยู่ในพิพิธภัณฑ์สไตล์โกธิคแห่งนี้
เบเยลเลอร ์
เบเยลเลอร ์ แกลอรี่ กว่าครึ่งศตวรรษมาแล้ว ที่เออเนสท์ และ ไฮล์ดี้ เบเยลเลอร์ใช้รูปวาดแบบสมัยใหม่ตกแต่งบ้านของพวกเขา พวกเขาได้สะสมผลงานศิลปะแบบเป็นส่วนตัวที่ใหญ่ที่สุดแห่งหนึ่งของประเทศสวิสเซอร์แลนด์ ซึ่งปัจจุบันพวกเขาเปิดให้สาธารณะชนได้ชม เพียงแค่ 15 นาทีจากใจกลางเขตแดนสวิสกับประเทศฝรั่งเศสและเยอรมัน
แกลเลอรี่ศิลปะคันสเทล
แกลเลอรี่ศิลปะคันสเทล
พิพิธภัณฑ์ศิลปะ เดินแค่ 5 นาทีจากคันท์มิวเซี่ยม แกลเลอรี่คันสเทลแห่งนี้แสดงผลงานของศิลปินร่วมสมัยเป็นการจัดการแสดงผลงานศิลปะที่เป็นที่รู้จักของคนทั้งเมือง ตั้งแต่เมื่อปี 1872 มีการเปลี่ยนแปลงรายการจัดการ แสดงที่หลายหลายของศิลปินชั้นนำทั้งแบบสมัยใหม่ แบบคลาสสิค
สวนสัตว์บาเซิล
สวนสัตว์บาเซิล
สวนสัตว์ สร้างในปี 1874 ถือว่าเป็นสวนสัตว์ที่ยิ่งใหญ่ที่สุดในโลกแห่งหนึ่ง ที่รวบรวมสัตว์ที่อันตรายไว้มากมายในพื้นที่ 11 เฮคแตร์ ในเขตเมือง เดินแค่ 7 นาที จากสถานีรถไฟ มีสัตว์ประมาณ 4,500 ตัว กว่า 600 ชนิดที่แตกต่างกันไป รวมทั้งช้าง และสิงโตทะเล
พิพิธภัณฑ์ศิลปะ
พิพิธภัณฑ์ศิลปะ
พิพิธภัณฑ์ศิลปะ นี่คือพิพิธภัณฑ์ที่เก่าแก่ที่สุดในสวิสเซอร์แลนด์ ที่รวบรวมผลงานที่มีชื่อเสียงที่สุดในยุโรปไว้ ผลงานทุกชิ้นเก่าแก่ที่สุดคือรูปวาดของศตวรรษที่20 และคุณยังจะได้สัมผัสกับประติมากรรมของศตวรรษที่ 14 - 17 ผลงานที่มีชื่อเสียงของศิลปินที่ โด่งดังอย่าง แวนโก๊ะ, ปิกาสโซ่
พิพิธภัณฑ์จีน ทิงค์ลี่
พิพิธภัณฑ์จีน ทิงค์ลี่
พิพิธภัณฑ์ศิลปะ พิพิธภัณฑ์ที่รวบรวมผลงานของจีน ทิงค์ลี่ ประติมากรผู้ยิ่งใหญ่ของประเทศส วิสเซอร์แลนด์ ที่เสียชีวิตเมื่อปี 1991 ที่นี่มีผลงาน ประติมากรรม รูปปั้นของเขากว่า 70 ผลงาน ในการสะสมงานศิลปะ 4 ศตวรรษ รวมทั้งเครื่องพิมพ์ ในปี 1950 และผลงานที่ยิ่งใหญ่อื่นๆ
พิพิธภัณฑ์ศิลปะร่วมสมัย
พิพิธภัณฑ์ศิลปะร่วมสมัย
พิพิธภัณฑ์ศิลปะ เป็นหนึ่งในพิพิธภัณฑ์ชั้นนำของยุโรป ที่ไฮไลท์อยู่ที่ผลงานของ ศิลปินจากปี 1960 มาจนถึงปัจจุบัน อย่างเช่นผลงานของ บรูซ นอร์แมน, ริชาร์ด ลอง, โจนาธาน โบรอฟสกี้, โจเซฟ บอยส์ , แฟรงค์ สเตลล่า และโดนัลด์ จัดด์
ทัวร์สวิตเซอร์แลนด์ เทียวสวิตเซอร์แลนด์ ประเทศสวิตเซอร์แลนด์อ้างอิง: http://vacationzone.co.th://www.cenacolovinciano.it/html/eng/smgrazie.htm